ในแต่ละปี มีการใช้เหล็กกล้าประมาณ 1 ล้านตันและพลาสติกอีกกว่า 200 ล้านตัน เพื่อผลิตและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในปัจจุบัน การเคลือบผิว BALINIT คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดอีกขั้นของเครื่องมือตัดที่ใช้สำหรับงานตัดเฉือนแม่พิมพ์ นอกจากนี้ การเคลือบผิว BALINIT ยังช่วยให้แม่พิมพ์ที่ใช้ในกระบวนการปั๊มและการขึ้นรูปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีกด้วย
โดยส่วนใหญ่แล้ว เหล็กกล้าและพลาสติกมักจะถูกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์โดยใช้เครื่องมือตัดและเครื่องมือขึ้นรูป ทำให้เครื่องมือเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ที่เข้มงวดมากขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง:
- ความเที่ยงตรง - ความเร็วในการทำงานและภาระงานที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้จำเป็นต้องใช้พิกัดความเผื่อจากการผลิตต่ำลงและจำเป็นต้องผลิตชิ้นงานที่มีผนังบางลงได้โดยปราศจากข้อบกพร่อง
- เทคนิคการตัดเฉือนชิ้นงานขนาดเล็กกำลังถูกนำมาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความเที่ยงตรงที่สูงขึ้นกว่าเดิม
- การทำงานทุกขั้นตอนจนเสร็จออกมาเป็นผลิตภัณฑ์โดยใช้เครื่องจักรเครื่องเดียว
- เครื่องมือที่ทำงานได้หลายประเภท เพื่อให้กระบวนการตัดเฉือนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- การตัดเฉือนแบบแห้งและแบบใช้น้ำหล่อเย็นน้อยที่สุด เพื่อลดต้นทุน ลดความจำเป็นในการทำความสะอาดชิ้นงานและเครื่องจักร รวมถึง ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ปรับปรุงคุณภาพชิ้นงานให้ดีขึ้น เพื่อลดจำนวนชิ้นงานที่ถูกปฏิเสธ รวมทั้งลดความจำเป็นในการเก็บงาน/แก้ไขงาน
- การนำวัสดุน้ำหนักเบาลงมาใช้ เพื่อลดน้ำหนักและลดปริมาณการใช้พลังงานและมลพิษ
การตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ไม่สามารถที่จะเป็นไปได้หากไม่มีเทคโนโลยีการเคลือบผิวแบบ PVD นอกจากนั้นแล้ว การพัฒนาวัสดุเคลือบผิวอย่างต่อเนื่องยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถรับมือกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเคลือบผิว BALINIT® จะช่วยให้คุณสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดด้านประสิทธิภาพของเครื่องมือตัด เครื่องมือตอกและขึ้นรูป และเครื่องมือที่ใช้สำหรับการฉีดหล่อโลหะและการแปรรูปพลาสติก